วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Pique(ปีเก้) หรือ Lacoste (ลาคอส) อันไหนแน่

มาต่อกันเรื่องผ้ากันต่อยังไม่ยอมให้จบง่าย ๆ หรอกนะวันนี้ก็มาว่ากันในเรื่องของผ้าในกลุ่ม knit กันต่อ

มาว่ากันด้วยเรื่องของผ้า pique หรือ lacoste กัน เราอาจเคยเห็นผ้าชนิดนี้แต่ไม่เคยสนใจมัน ซึ่งถ้านึกลักษณะไม่ออกขอให้นึกถึงเสื้อคอโปโลยี่ห้อ lacoste (ไอ้เข้หันหัวออกนะจ๊ะถ้าหัวหัวเข้าตัวก็ตัวใครตัวมัน) ผ้า lacoste  ตัวนี้ เกิดจากการถักทอลายของผ้า โรงทอผ้าในประเทศไทยจะเรียกว่า ผ้า pique   เพราะตัวผ้าของ lacoste ได้จดลิขสิทธิ์การทอไว้ห้ามลอกเลียนแบบ โรงทอในเมืองไทยเลยต้องทอผ้าในลักษณะใกล้เคียงกันและเรียกผ้าชนิดนั้นว่าผ้า pique (ผมไม่กล้ายืนยันแบบ 100% แต่ได้รับการบอกเล่าจากพวก sellman ของโรงงานทอผ้าที่ได้นำผ้าชนิดนี้มาเสนอขายให้ที่บริษัท) แต่ถ้าอยากทราบข้อแตกต่างระหว่างผ้า pique กับผ้า lacoste ก็ลองเอาเสื้อโปโลยี่ห้อ lacoste (ของแท้นะจ๊ะไม่ใช่แถวจตุจักร)กับเสื้อ Polo ไทย brand (เช่นยี่ห้อ GQ,Arrow)( Arrow  นั้นไทยซื้อลิขสิทธิ์มาออกแบบตาม concept ที่ได้รับมาจากเมืองนอก ) มาเทียบกันดู มันจะต่างกันที่รูน่ะ(หมายถึงรูในผ้านะ โฮ่ ๆ ๆ ) แต่สำหรับผมแล้วนอกจากวิธีการทอแล้วคุณสมบัติอย่างอื่นก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่(สงสัยไทยก็อปเก่งนิ)
ตัวนี้น่ะจะเป็นไอ้เข้
ตัวนี้ลูกศร
เส้นด้ายที่ใช้สำหรับการทอโครงสร้างผ้าตัวนี้มีตั้งแต่ 100 % cotton ,t/c, t/k,และเส้นด้าย top dyed(เรื่องชื่อย่อกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านะจ๊ะ)
ส่วนเบอร์ของเส้นด้ายจะมีตั้งแต่ number 32/1,32/2,20/1 แต่ก็อาจจะมีบาง brand ที่ใช้เส้นด้าย number 40/1,40/2 ด้วยก็ได้ ทอได้ทั้งลักษณะ peach dyed และ  yarn dyed น้ำหนักมาตรฐานจะอยู่ที่ 175-220 gram/sqm ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นด้ายที่สั่งโรงงานทอ ส่วนแบบที่ fashion designer นิยม design (ออกแบบ) สำหรับโครงสร้างผ้าตัวนี้ ได้แก่ แบบเสื้อ Polo, T-shirt  ซึ่งแทบจะเป็นโบโก้ของแบบผ้าชนิดนี้เลยที่เดียวเชียว และบางทียังทำเป็นเสื้อ Polo แขนกุด สำหรับผู้หญิง และยังทำเป็น short dress ได้อีกด้วย แต่ถ้าจะนำไปออกแบบเป็น T-shirt คอกลมหรือคอวีก็ได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใดทั้งไม่ถูกประณามจากชาวดาวอังคารอีกด้วย(ก็พวกมันอยู่นอกโลกนี่นา) แต่ไม่แนะนำให้ทำกระโปรงยาวและกางเกง เพราะน้ำหนักผ้ามากเกินไปเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
สำหรับคนที่ซื้อเสื้อที่ใช้ผ้าชนิดนี้ แล้วเกิดการขึ้นขุย จะเป็นผ้าประเภท  t/c,t/k แต่ถ้าเป็นผ้า cotton 100% จะไม่ขึ้นขุยหรือถ้ามีก็น้อยกว่ามากแต่หากใช้ไปนาน ๆ หลายปี ก็อาจจะบางลงแต่ว่าไม่เป็นขุยจ้ะ อ้อทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการ finishing (หมายถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำผ้ามาขายหรือวางมาร์คตัดหลังจากที่ทอผ้าเสร็จแล้ว)ว่าจะสั่งแบบไหน เดี๋ยวมาว่ากันต่อเรื่องผ้า Jacquard  กันต่อบทความหน้า

2 ความคิดเห็น:

Rosary กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีค่ะ

Mam กล่าวว่า...

ชอบๆ ละเอียดดีค่ะ

แสดงความคิดเห็น